หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์





          ชัยภูมิ ตั้งอยู่บนสันขอบที่ราบสูงอีสาน ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับภาคกลางและภาคเหนือ เป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกกระเจียวแสนงาม และสายน้ำตกชุ่มฉ่ำยามหน้าฝน เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน มีเทือกเขาที่สำคัญได้แก่ ภูพังเหย ภูแลนคา ภูพญาฝ่อ อันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำชีด้านประวัติศาสตร์ ชัยภูมิมีอารยธรรมซ้อนทับกันหลายสมัย ตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยขอม จนถึงอิทธิพลลาวล้านช้าง มีการค้นพบโบราณสถานโบราณวัตถุมากมายในหลายพื้นที่ของจังหวัด ต่อมาปรากฏชื่อเป็นเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายหลังจึงร้างไป และมาปรากฏชื่ออีกครั้งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยมีชาวเวียงจันทน์เข้ามาสร้างบ้านแปงเมือง มีผู้นำชื่อ แล ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองคนแรกของชัยภูมิ
        ชัยภูมิ เป็นเมืองที่เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมาคู่กับเมืองบุรีรัมย์ มาปรากฏชื่อทางประวัติศาสตร์อีกครั้ง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้มีชาวเมืองเวียงจันทน์มีนายแลเป็นหัวหน้าพากันมาตั้งหลักปักฐานในบริเวณที่เรียกว่า โนนน้ำอ้อม และคงใช้ชื่อเมืองตามเมืองเดิมว่าชัยภูมิ ในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ก่อการกบฎยกกองทัพเข้ามาตีเมืองนครราชสีมาและหัวเมืองรายทาง นายแลเจ้าเมืองชัยภูมิได้ยกไพร่พลไปสมทบกับกำลังของคุณหญิงโม ตีทัพของเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์แตกพ่ายไปได้ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี และให้นายแลเป็นพระยาภักดีชุมพล เจ้าเมืองชัยภูมิคนต่อมาที่สืบเชื้อสายมาจากพระยาภักดีชุมพล (แล) ก็ยังคงใช้ราชทินนามว่า พระยาภักดีชุมพล
       ในปัจจุบัน ชัยภูมิเป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิคือ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย มัดหมี่ หมอนขิต ผ้าขิต และสินค้าเมืองที่ทำจากผ้าทอมือ เป็นต้น  



อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) ที่หน้าวงเวียนศูนย์ราชการจังหวัดชัยภูมิ

                                      สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองชัยภูมิปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่าเป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น และเมื่อปี พ.ศ. 2360 "นายแล" ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น (หนองอีจาน) ซึ่งอยู่ในบริเวณท้องที่
อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน
                                       ต่อมาในปี พ.ศ. 2362 เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 6 กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาวส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น "ขุนภักดีชุมพล" ในปี พ.ศ. 2365 นายแลได้ย้ายชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวงซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด (เขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน) และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวงขึ้นเป็น เมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น "พระยาภักดีชุมพล" เจ้าเมืองคนแรก
                                        ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพมหานคร โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพมหานครรบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. 2369 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นต่อมาเมื่อความแตก เจ้าอนุวงศ์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทน์
                                       เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของคุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมา ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้และเกลี้ยกล่อมให้พระยาภักดีชุมพลเข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เกิดความแค้นจึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความซื่อสัตย์และเสียสละต่อแผ่นดิน จึงได้พร้อมใจกันสร้างศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น ปัจจุบันทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทยชื่อว่า "ศาลาพระยาภักดีชุมพล (แล)" มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายใน เป็นที่เคารพกราบไหว้และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดชัยภูมิประมาณ 3 กิโลเมตร

ข้อมูลทั่วไป




จังหวัดชัยภูมิ


http://123.242.176.168/index.html 
ตราประจำจังหวัดชัยภูมิ
ตราประจำจังหวัด
เหรียญที่ระลึกประจำจังหวัดชัยภูมิด้านหน้า เหรียญที่ระลึกประจำจังหวัดชัยภูมิด้านหลัง
เหรียญที่ระลึกประจำจังหวัด

คำขวัญ


ชัยภูมิ ทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม
 ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม
พระใหญ่ทวารวดี
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทยชัยภูมิ
ชื่ออักษรโรมันChaiyaphum
ผู้ว่าราชการนายชนะ นพสุวรรณ
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2554)
ISO 3166-2TH-36
ต้นไม้ประจำจังหวัดขี้เหล็ก
ดอกไม้ประจำจังหวัดกระเจียว
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่12,778.287 ตร.กม.[1]
(อันดับที่ 7)
ประชากร1,127,423 คน[2] (พ.ศ. 2553)
(อันดับที่ 16)
ความหนาแน่น88.05 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 52)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้งศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ถนนบรรณาการ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ 36000
โทรศัพท์(+66) 0 4481 1573, 0 4482 2316
เว็บไซต์จังหวัดชัยภูมิ  
แผนที่
แผนที่ประเทศไทย เน้นจังหวัดชัยภูมิ

สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
ทิศทางการพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ

วิสัยทัศน์จังหวัดชัยภูมิ

                                จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพทั่วไป ปัญหา และความต้องการของประชาชน ตลอดจนการประเมินสถานภาพการพัฒนาในปัจจุบันและโอกาสในการพัฒนาในอนาคตของจังหวัด สามารถสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ  โดยนำมาวิเคราะห์จุดแข็ง  จุดอ่อน  โอกาส  และข้อจำกัด  และการวิเคราะห์ศักยภาพแบบตารางไขว้  จากผลการประเมินดังกล่าว  เมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับประเด็นการพัฒนานโยบายของรัฐบาลและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  สามารถสรุปผลการวิเคราะห์เป็นวิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2552-2555 )  ได้ดังนี้
                 เกษตรกรรมยั่งยืน อุตสาหกรรมก้าวหน้า แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ สังคมมีความสุข

ยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดชัยภูมิ

1.             พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้านการเกษตร
2.             การพัฒนาอุตสาหกรรม
3.             การพัฒนาการท่องเที่ยว
4.             การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต
5.             การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี
กลยุทธ์และแนวทางการพัฒนาจังหวัดชัยภูมิ

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาศักยภาพ

1.             การบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตร
2.             การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร การตลาด และเครือข่ายสินค้าเกษตร
3.             การพัฒนาเกษตร สถาบันเกษตร และวิสาหกิจชุมชน
4.             พัฒนาพื้นที่การเกษตรและการถือครองที่ดิน

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาอุตสาหกรรม

1.             พัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและแปรรูปผลผลิตการเกษตร
2.             พัฒนาและส่งเสริมการทำเหมืองแร่โปแตชและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
3.             พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP)
4.             พัฒนาผู้ประกอบการและเครือข่ายด้านการเกษตร (พาณิชยกรรม)

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3  การพัฒนาการท่องเที่ยว

1.             ปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสู่ความเป็นเลิศ
2.             พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยว
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต

1.             การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต
2.             การพัฒนาการศึกษา
3.             การพัฒนาการสาธารณสุข

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 

1.             การสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
2.             การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
3.             ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
4.             การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม



                    ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัด ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ การทำนาข้าวในเขตที่ราบลุ่มน้ำชี การปลูกพืชไร่ชนิดต่างๆ เช่น อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  และการปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้นหลายชนิด อาทิ มะม่วง มะขาม กล้วยน้ำว้า เป็นต้น
 แหล่งน้ำ
                      จังหวัดชัยภูมิ มีแหล่งน้ำธรรมชาติ และทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
                            แหล่งน้ำธรรมชาติ ประกอบด้วยแหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำใต้ดิน ได้แก่
                                (1) แหล่งน้ำผิวดิน จังหวัดชัยภูมิ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร มีลำน้ำย่อยหลายสาย ก่อให้เกิดลำน้ำสำคัญ ดังนี้
                                     (1.1) ลำน้ำชี ต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขาพญาฝ่อ ในเขตอำเภอหนองบัวแดง ไหลผ่านอำเภอหนองบัวระเหว บ้านเขว้า จัตุรัส เนินสง่า เมืองชัยภูมิ คอนสวรรค์ และแก้งคร้อ     
                                      (1.2) ลำน้ำพรม ต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขาพญาฝ่อเช่นเดียวกัน ไหลผ่านอำเภอคอนสาร ภูเขียว และอำเภอบ้านแท่น เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดขอนแก่น ไหลลงเขื่อนอุบลรัตน์
                                         (1.3)  ลำคันฉู ไหลผ่านอำเภอบำเหน็จณรงค์ จัตุรัส และอำเภอเมืองชัยภูมิ
                                         (1.4)  ลำน้ำเชิญ ไหลผ่านอำเภอคอนสาร และอำเภอภูเขียว
                                         (1.5) ลำชีลอง  ไหลผ่านอำเภอเมืองชัยภูมิ และอำเภอบ้านเขว้า
                                         (1.6)  ลำปะทาว ไหลผ่านอำเภอเมืองชัยภูมิ
                                         (1.7) ลำสามหมอ ไหลผ่านอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอคอนสวรรค์
                                         (1.8) ลำน้ำกล่ำ ไหลผ่านอำเภอคอนสวรรค์ ไปลงน้ำลำน้ำชี
                                 (2) แหล่งน้ำใต้ดิน ปริมาณน้ำใต้ดินของจังหวัดชัยภูมิเฉลี่ยประมาณ 20 100 แกลลอนต่อนาที พื้นที่ที่มีคุณภาพดี ได้แก่ บางส่วนทางตอนเหนือของอำเภอคอนสาร เกษตรสมบูรณ์ หนองบัวแดง บ้านแท่น ภูเขียว และอำเภอแก้งคร้อ เป็นต้น น้ำที่ขุดได้บริเวณนี้มีคุณภาพดี แต่จะมีปัญหาน้ำเค็มในพื้นที่ที่เป็นภูเขาทางตอนกลางและตะวันตกของจังหวัดเฉลี่ยประมาณน้ำ 20 50 แกลลอนต่อนาที เป็นน้ำที่มีแร่ธาตุปนอยู่มาก ส่วนบริเวณไหล่เขาจะมีน้ำน้อยเฉลี่ย 20 แกลลอนต่อนาที และทางตอนล่างของจังหวัดเป็นพื้นที่ที่มีเกลือมากน้ำที่ได้ จึงเป็นน้ำเค็มอยู่ถึงร้อยละ 90 ของที่ขุดได้
                                 
   แหล่งน้ำชลประทาน
   แหล่งน้ำชลประทานที่อยู่ภายในจังหวัด ประกอบด้วย การก่อสร้างเขื่อนเพื่อประโยชน์ด้านพลังงานและเกษตรกรรม
  1)  เขื่อนจุฬาภรณ์ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอคอนสาร   มีปริมาณเก็บกักน้ำ   188  ล้าน ลูกบาศก์เมตร
 2) เขื่อนลำปะทาว ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ และอำเภอแก้งคร้อ มีปริมาณเก็บกักน้ำ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร
3) เขื่อนหินทิ้งห้วยกุ่ม ในเขตอำเภอเกษตรสมบูรณ์ เก็บกักน้ำเพื่อการเกษตร
4) เขื่อนชีบน มีต้นน้ำอยู่ที่เขาเสียงตาล เทือกเขาภูเขียว ในเขตอำเภอหนองบัวแดง
เก็บกักน้ำได้ 325 ล้านลูกบาศก์เมตร
                              โครงการชลประทานขนาดกลาง (อ่างเก็บน้ำ)  เพื่อการเกษตรและการบริโภค-อุปโภค มีจำนวน 14 แห่ง ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ จัตุรัส บ้านเขว้า ภูเขียว เกษตรสมบูรณ์ บำเหน็จณรงค์เทพสถิต และซับใหญ่ รวมพื้นที่ชลประทานทั้งหมด 187,298 ไร่
                                        โครงการชลประทานขนาดเล็ก (อ่างเก็บน้ำหรือฝายน้ำล้น) ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เหมือง ฝายน้ำล้น ที่กระจายอยู่ทั่วจังหวัดตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งสามารถกักเก็บน้ำได้ 47.72 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ 181,909 ไร่
                                          โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กและแหล่งน้ำในไร่นา  ได้แก่ โครงการของหน่วยราชการที่ได้จัดสร้างแหล่งน้ำสาธารณะขนาดเล็ก ประกอบด้วยบ่อน้ำตื้น บ่อบาดาล สระเก็บน้ำในหมู่บ้าน เพื่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงโครงการแหล่งน้ำในไร่นา โครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร และโครงการสนับสนุนแผนการผลิตของเกษตรกร (ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ) รวม 4,226 แห่ง พื้นที่เก็บกักน้ำประมาณ 5.32 ล้านลูกบาศก์เมตร
                                         โครงการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ข้อมูล ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2550 มีฝายต้นน้ำลำธารทั้งสิ้น 2,500 ฝาย
                                             สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ข้อมูลจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ดำเนินการจัดตั้งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าในจังหวัดชัยภูมิแล้ว จำนวน 73 สถานี พื้นที่โครงการ 154,954 ไร่ เพื่อประโยชน์ด้านเกษตรกรรม และขจัดปัญหาความแห้งแล้งของพื้นที่ที่นอกเขตชลประทาน

 สภาพเศรษฐกิจ/สังคมและวัฒนธรรม
  สภาพเศรษฐกิจ
             ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดชัยภูมิ ขึ้นกับภาคการเกษตร   ภาคการค้าส่งค้าปลีก และภาคอุตสาหกรรม เป็นสำคัญ  ภาพรวมของเศรษฐกิจจังหวัดชัยภูมิ มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากการผลิตในสาขาการเกษตรและสาขาอุตสาหกรรม   ด้านการบริโภค   ด้านการลงทุน  และด้านการเงิน    ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัวลง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีการปรับตัวสูงขึ้น  กอปรกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่การจัดเก็บรายได้ภาครัฐ และการประกันตนในระบบประกันสังคม ยังคงมีการขยายตัว อย่างต่อเนื่อง
       ด้านการบริโภค
                      ภาพรวมด้านการบริโภค มีการขยายตัวในลักษณะชะลอตัวลง เป็นผลมาจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริโภค 
                    ด้านการลงทุน
 ภาคอุตสาหกรรม อยู่ในภาวะชะลอตัว คือ  ไม่มีการขออนุญาตจดทะเบียนโรงงานอุตสาหกรรมใหม่  และไม่มีการแจ้งขอเลิกกิจการ

    สังคมและวัฒนธรรม
                    จังหวัดชัยภูมิ ได้มุ่งเน้นการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีที่อยู่อาศัยที่อบอุ่น และการติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลให้บรรเทาเบาบางลง เพื่อไม่ให้สังคมภายในจังหวัดเป็นเหยื่อของสารเสพติดที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับคุณธรรม-จริยธรรมในสถานศึกษาในการส่งเสริมความเป็นอยู่ของเยาวชนให้สังคมมีคุณภาพและวิถีชีวิตที่ดี
                   การศึกษา             
                         จังหวัดชัยภูมิ  จัดการศึกษาทั้ง 2 รูปแบบ คือ การศึกษาในโรงเรียนและนอกโรงเรียน จำแนกได้ดังนี้
            (1) การศึกษาในโรงเรียน มีจำนวนโรงเรียน  797 แห่ง ห้องเรียน   8,027   ห้อง นักเรียน 
170,330 คน   และครู 7,435 คน อัตราส่วนนักเรียนต่อห้องเรียน 23 คน
                    (2) การศึกษานอกโรงเรียน กำลังขยายไปอย่างกว้างขวางหลายรูปแบบ มีโรงเรียนเบ็ดเสร็จพื้นฐานดำเนินการสอนต่อเนื่อง โรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ โรงเรียนสารพัดช่าง การฝึกอบรมอาชีพด้านต่างๆ ของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของจังหวัด มีห้องสมุดประชาชนระดับจังหวัด อำเภอ ที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน รวมถึงกลุ่มสนใจฝึกฝนเพื่อพัฒนาอาชีพของหน่วยงานในจังหวัดต่าง ๆ ในจังหวัด
               การศาสนา             
                                ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นๆ ก็มีบ้างแต่จำนวนไม่มากนัก สำหรับความเชื่อถือประเพณีในสมัยก่อน ยังคงมีอยู่ตามชนบท และมีอิทธิพลทางจิตใจของประชาชนในแถบนั้นๆ เช่น การแห่นางแมวขอฝน บุญพระเวส บุญเดือนหก บุญบ้องไฟ รวมถึงประเพณีรำฝีฟ้า เพื่อบนบานรักษาคนเจ็บป่วย ฯลฯ 
 การสาธารณสุข
                          จังหวัดชัยภูมิ มีโรงพยาบาล  15  แห่ง  จำแนกเป็นโรงพยาบาลระดับจังหวัด จำนวน  1 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชนระดับอำเภอ จำนวน 14 แห่ง สถานีอนามัย  168  แห่ง คลีนิกทุกประเภท  175  แห่ง  จำนวนเตียง  1,020  เตียง  จำนวนแพทย์และทันตแพทย์รวม  128  คน    พยาบาล    974  คน   การให้บริการยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยภายในจังหวัด  โดยเฉพาะในท้องถิ่นชนบททั่วไป  ทั้งนี้  เพราะขาดงบประมาณและบุคลากรในด้านนี้ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า  โดยการออกหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอ
                                            จังหวัดชัยภูมิ  มีหน่วยแพทย์อาสาสมัครสมเด็จพระราชชนนี (พอ.สว.)   ออกช่วยเหลือรักษาพยาบาลประชาชนที่อยู่ห่างไกลการคมนาคม  โดยไม่คิดมูลค่า  โครงการนี้มีแผนปฏิบัติการตลอดปีจำนวน      24 ครั้ง (เดือนละ 2 ครั้ง)  สามารถรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย  โดยเฉลี่ยครั้งละ  500 -  700  ราย บางครั้งมีผู้ป่วยหนักต้องรับการรักษาพยาบาลเป็นพิเศษ ก็ได้ติดต่อกับ พอ.สว. กลาง ส่งไปบำบัดรักษาในโรงพยาบาลจังหวัด   หรือโรงพยาบาลกรุงเทพฯ มีฐานะเป็นคนไข้หลวง

ที่ตั้งและขนาด


ที่ตั้งและขนาด

                      จังหวัดชัยภูมิ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณใจกลาง
ของประเทศ เส้นรุ้งที่ 15 องศาเหนือ เส้นแวงที่ 102 องศาตะวันออก สูงจากระ
ดับน้ำทะเล 631 ฟุต ห่างจากกรุงเทพมหานคร โดยทางรถยนต์ 332 กิโลเมตร 
มีเนื้อที่ประมาณ 12,778.3 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7,986,429 ไร่ คิดเ
ป็นร้อยละ 7.6 ของพื้นที่ทั้งหมดของภาค และร้อยละ 2.5 ของพื้นที่ทั้งประเทศ 
มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภาค และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศ

อาณาเขตติดต่อ


อาณาเขตติดต่อ

 
 
 
 
                      ชัยภูมิ  อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 342 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 12,778 ตารางกิโลเมตร
แบ่งการปกครองเป็น 16 อำเภอ คือ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์
อำเภอหนองบัวแดงอำเภอจัตุรัส อำเภอภูเขียว อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอบ้านแท่น อำเภอแก้งคร้อ อำเภอคอนสาร
 อำเภอเทพสถิต อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอภักดีชุมพล อำเภอเนินสง่า และอำเภอซับใหญ่


ทิศเหนือ จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดขอนแก่น
ทิศใต้ จดจังหวัดนครราชสีมา
ทิศตะวันออก จดจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา
ทิศตะวันตก จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดลพบุรี


 

ภูมิประเทศและภูมิอากาศ


ภูมิประเทศ




               ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป ประกอบด้วยป่าไม้และภูเขาร้อยละ 50 ของพื้นที่จังหวัด 

นอกนั้นเป็นที่ราบสูง บริเวณตอนกลางของจังหวัดเป็นพื้นที่ราบ มีพื้นที่ป่าไม้และเทือกเขาตั้งเรียง

รายจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก ประกอบด้วยเทือกเขาสำคัญได้แก่ ภูอีเฒ่า ภูแลนคา 

และภูพังเหย รายละเอียดมีดังนี้


1. ภูเขาและป่าไม้                                   มีจำนวนพื้นที่ 4,026,616 ไร่      ร้อยละ 50.42
2. ที่ราบลุ่ม                                           มีจำนวนพื้นที่ 3,603,994 ไร่      ร้อยละ 45.13
3. ที่ราบสูงนอกเขตป่าไม้                         มีจำนวนพื้นที่    252,413 ไร่      ร้อยละ 3.16
4. พื้นน้ำ                                              มีจำนวนพื้นที่      63,431 ไร่      ร้อยละ 0.79
5. เนื้อที่ดินดาน ดินเลนใช้ประโยชน์ไม่ได้    มีจำนวนพื้นที่      39,975 ไร่      ร้อยละ 0.50


จังหวัดชัยภูมิ สามารถแบ่งภูมิประเทศของจังหวัดชัยภูมิ ออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ
1. พื้นที่ราบในฝั่งแม่น้ำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 0 - 200 เมตร ได้แก่บริเวณ
ที่ราบลุ่มแม่น้ำชีในอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอจัตุรัส อำเภอคอนสวรรค์ 
บริเวณนี้จะเป็นที่ราบน้ำท่วมถึง
2. พื้นที่ลูกคลื่นลอนต่ำ อยู่ตอนกลางของพื้นที่จังหวัด เป็นแนวยางตามทิศเหนือ-ใต้ ตามแนว
เทือกเขาดงพญาเย็น มีความสูงประมาณ 200 - 300 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ได้แก่
 พื้นที่บางส่วนในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอจัตุรัส อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอบ้านเขว้า
 และอำเภอคอนสวรรค์
3.พื้นที่สูงและภูเขา สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลอนลึกและภูเขา ในเขตเทือกเขา
ดงพญาเย็น มีความสูงตั้งแต่ 500 - มากกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ได้แก่ 
พื้นที่บางส่วนของอำเภอหนองบัวระเหว อำเภอคอนสาร อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอภูเขียว
 อำเภอแก้งคร้อ และพื้นที่ทางตอนเหนือของอำเภอเมือง





















สภาพภูมิอากาศ
                                จังหวัดชัยภูมิ อยู่ในภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน มีฤดู 3 ฤดู โดยระยะเวลาในแต่ละฤดูอาจคลาด
เคลื่อนไปตามสภาพดินฟ้าอากาศของแต่ละปี มีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว ร้อนจัดในฤดูร้อน และช่วงฝนสลับกับ
ช่วงแห้งแล้งแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามห้วงเวลาตามฤดูกาล ดังนี้
(1)  ฤดูหนาว       ประมาณเดือน พฤศจิกายน กุมภาพันธ์
                                (2)  ฤดูร้อน          ประมาณเดือน มีนาคม พฤษภาคม
                                (3)  ฤดูฝน            ประมาณเดือน มิถุนายน - ตุลาคม
                           และจากการที่ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีเทือกเขาเพชรบูรณ์ทอดตัวเป็นแนวยาว
ทางทิศตะวันออก เทือกเขาดงพญาเย็นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เทือกเขาดังกล่าวเป็นสิ่งกีดขวางลมฝน 
จากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จึงส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนไม่มากเท่าที่ควรในฤดูฝน เนื่องจากสภาพภูมิประ
เทศตั้งอยู่ในเขตเงาฝน โดยเฉพาะพื้นที่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ และด้านตะวันตกของจังหวัด โดยเฉพาะ
ปริมาณน้ำฝนของจังหวัดรายปี เฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง (พ.ศ. 2546 - 2550) มีเพียง 1,016.5มิลลิเมตร